ประสบการณ์ทำงานวิศวกร วีซ่า5ปี ที่ญี่ปุ่น
👩🏻🏭แชร์ประสบการณ์กว่าจะได้มา การเตรียมตัว การใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ ข้อดี-ข้อเสีย ประสบการณ์ทำงานวิศวกร วีซ่า5ปีที่ญี่ปุ่น
สวัสดีค่ะ ชื่อต๋าค่ะ เป็นชื่อเล่นที่คนญี่ปุ่นออกเสียงกันยากมาก พอมาอยู่ญี่ปุ่นชื่อเล่นเลยกลายเป็น ทาซังไปแล้วค่ะ
จบการศึกษา วิศวกรรมอุตสาหการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง IEZ17 ค่ะ
ปัจจุบันทำงานสายวิศวกร ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ ได้วีซ่า 5 ปีบริษัทต่อให้ตลอดเมื่อวีซ่าหมดอายุ
การทำงาน การใช้ชีวิต ประสบการณ์ที่ได้ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่คุ้มค่ามาก
มี ประสบการณ์ทำงานวิศวกร วีซ่า5ปี ที่ญี่ปุ่น ได้อย่างไร?
ก่อนเรียนจบจะมีงาน Job Fair ที่มหาลัย ซึ่งตอนนั้นก็สมัครงานไปหลายที่มากๆ และก็เห็นประกาศว่ามีการรับสมัครจากบริษัทญี่ปุ่น สมัครโดยตรงกับบริษัท แต่เงื่อนไขคือต้องมาทำงานที่ญี่ปุ่น จึงยื่นสมัครบริษัทนี้ไป ระหว่างนั้นก็สมัครหลายๆบริษัทที่ไทยด้วย ผลสัมภาษณ์ออกมาว่าติดบริษัทรถยนต์ยอดขายดีที่ไทย จึงตัดสินใจทำงานที่บริษัทนั้นเกือบ 2 ปี ซึ่งก็ได้มีการผ่านการสัมภาษณ์บริษัทที่ต้องมาทำงานที่ญี่ปุ่นด้วย แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่เรายังไม่รู้คือ ต้องผ่านการวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น ระดับN3 ก่อนจึงจะสามารถเดินทางมาทำงานที่ญี่ปุ่นได้ ตอนเรานั้นเป็นช่วงชีวิตที่ยุ่งมากๆ เพราะเราเพิ่งเข้าบริษัทรถยนต์ และไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นซักนิด คนรอบตัวก็พูดว่าภาษาญี่ปุ่นระดับ N3 ต้องใช้เวลาหลายปีมากๆ ซึ่งเราก็ตัดใจไปแล้ว คิดว่าเรียนไปก็สอบไม่ผ่าน เลยไม่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นและมุ่งมั่นตั้งหน้าตั้งตาเรียนงานบริษัทรถยนต์ที่เราเพิ่งเข้าอย่างเต็มที่ หากท่านที่สนใจหางานที่ญี่ปุ่น และสมัครผ่านอเจนซี่ ต้องตรวจสอบเงื่อนไขอย่างละเอียดนะคะ ว่าต้องจ่ายให้อเจนซี่เป็นรายเดือนหรือไม่
จุดเปลี่ยนที่ทำให้เราอยากเรียนภาษาญี่ปุ่น
พี่เฮชอาของบริษัทที่ญี่ปุ่น เค้าใจดีมากๆคอยส่งหนังสือมาให้ โทรมาถามเราตลอดว่าเรียนเป็นยังไงบ้าง สอบเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเราก็รู้สึกผิดมากเพราะเราไม่ตั้งใจเรียนเพราะคิดว่าสอบผ่านเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราจึงไม่ได้สมัครสอบรอบแรก แต่ด้วยความที่พี่เค้าเอ็นดู ใส่ใจ โทรมาคุยด้วยตลอด เราจึงรู้สึกว่า เราอยากให้โอกาสตัวเอง เหมือนที่พี่เค้าให้โอกาสเราขนาดนี้ เวลาก็ผ่านเลยไปแล้วกว่า 1 ปีหลังจากที่เราสัมภาษณ์ผ่าน และราก็หันมาเรียนภาษาญี่ปุ่นจริงจัง!! แต่บอกเลยว่าเราไม่มีเวลาไปนั่งเรียนเพราะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย จึงซื้อหนังสือมานั่งอ่านเอง เรียนเอง แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากพี่คนไทยที่ทำงานที่บริษัทนี้ พี่เค้าโทรมาสอน วิธีจำ วิธีอ่านให้ เวลาตอนนั้นเรียนเยอะ รู้สึกท้อบ้าง แต่ท่องในหัวตลอดว่า เราต้องทำได้ เราต้องทำได้ และในที่สุดเราสามารถสอบ N3 ผ่านด้วยวิธีการนี้ เพราะความอ่านหนังสือเยอะ และหาวิธีการจำของตัวเองได้ ทำให้เราสามารถเดือนเรื่องเอกสาร และสามารถมาทำงานที่ญี่ปุ่นได้ทันที เราเลยคิดได้เลยว่า อะไรที่คนอื่นพูดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ให้เราลองทำสุดความสามารถดูก่อน คนอื่นทำไม่ได้ เราอาจจะทำได้ก็ได้นะ
การเตรียมตัว ก่อนมาทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น
หลังจากที่สอบผ่าน พี่เฮชอาก็ได้ทำหนังสือสัญญา เดือนเรื่องเอกสาร วีซ่าต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนบิน ซึ่งทางบริษัทออกค่าเครื่องบินและดำเนินการเรื่องเอกสารให้ทั้งหมด พี่เฮชอาก็มีการโทรมาสอนเรื่องวัฒนธรรมต่างๆ มารยาท ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับเรามากเพราะไม่เคยไปท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นเลยสักครั้ง แต่ก็มองว่าเป็นเรื่องท้าทายที่จะทำให้เราได้มีประสบการณ์ที่ดี
เป้าหมายที่ตั้งไว้กับการมาทำงานที่นี่
ทุกคนย่อมมีเป้าหมายในชีวิต ตอนนั้นคือเราอยากได้ประสบการณ์การทำงานที่ญี่ปุ่น อยากเป็นคนที่ทำงานดี ละเอียด มีวิธีคิดแบบชาวญี่ปุ่น รวมถึงอยากมาฝึกภาษาเพื่อให้สามารถสื่อสารในงานวิศวกรได้คล่องเเคล่ว เผื่อเวลาเรากลับไปที่ไทยเราจะได้ทำงานสายที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น เพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง และเราก็คิดเรื่องการท่องเที่ยวด้วย การได้มาใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพราะหากมาท่องเที่ยวด้วยตนเองคงต้องใช้เงินเยอะมากแน่ๆ หากจะต้องไปเที่ยวในหลายๆที่ในญี่ปุ่น เป็นคนงกพอสมควรเลย เป้าหมายทางการเงินก็เป็นอีกปัจจัยที่เราตัดสินใจมาทำงานที่นี่โดยไม่ลังเล
การทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น
การเริ่มต้น เป็นเรื่องที่ยากมากค่ะ เป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับคนที่เพิ่งมาญี่ปุ่นครั้งแรก ความแตกต่างเรื่องภาษาและวัฒนธรรมทำให้เรารู้สึกไม่ชิน และที่สำคัญเราฟังคนญี่ปุ่นแทบไม่ออกเลย เราเรียนด้วยตัวเองมาตลอดจึงไม่คุ้นชินกับการออกเสียง สำเนียงบอกตรงๆว่า ไม่รู้เรื่องเลย
ความรู้สึกตอนนั้นก็มีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง อยากกลับบ้านบ้าง เพราะเรารู้สึกว่าบ้านคือที่ที่เข้าใจเราที่สุด แต่เราก็พยายามนึกถึงเป้าหมาย ตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น พอผ่านไปสักเดือน สองเดือนเราก็เริ่มชินและสามารถสื่อสารได้มากขึ้น มีพี่ที่คอยให้กำลังใจเราตลอด ภาษาที่สามเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ตลอด ไม่ต้องเร่งรีบ หมั่นจดจำและสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ และเราก็จะเก่งขึ้นเรื่อยๆ ท้อได้แต่อย่าถอยค่ะ ให้ลุยต่อ
ตัวเนื้องานต่างๆเราเล่าให้ฟังมากไม่ได้นะคะ แต่โดยรวมแล้วสุขปนทุกข์ตามภาษาของงานเป็นเรื่องปกติ แต่ได้ประสบการณ์เยอะมาก ได้เรียนทุกอย่างหน้างานจริง ทำจริง ลงไปทำในไลน์การผลิตจริง เชื่อมเองจริงๆ เพราะบริษัทอยากให้เราเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดหน้างานจริง เป็น ประสบการณ์ทำงานวิศวกร วีซ่า5ปี ที่ญี่ปุ่นโหด มันส์ ฮามากค่ะ
ชีวิตและความเป็นอยู่
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่าครองชีพแพงมากๆ แค่น้ำเปล่า 1 ขวดยังมีราคาเท่าข้าว 1 จานบ้านเราคือราคา 30 บาท แต่เนื่องจากเงินเดือนที่ได้รับก็ค่อนข้างสูง ดังนั้นค่าครองชีพจึงเป็นราคาที่พอเหมาะพอดีสำหรับคนที่นี่ ช่วงแรกที่เรามาถึงญี่ปุ่นเราคิดและแปลงตัวเลขเป็นเงินไทยไปะหมด จะซื้อน้ำแต่ละขวด ก็คิดว่าเสียดายยเงินมาก ตั้งห้าสิบหกสิบ ข้าวจานละ300-400บาท แต่พออยู่มาซักพักเราก็เริ่มปรับตัวได้และทำใจได้ค่ะ การมาทำงานที่นี่เป้าหมายเรื่องเงินก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากเงินเดือนที่ได้ก็ค่อนข้างสูงหากเทียบกับเรตบ้านเรา แต่ภาษ๊ก็สูงกว่าบ้านเรามากๆแบบน่าตกใจ คือเราต้องจ่ายภาษี คิดเป็นเงินไทยแล้วก็ประมาณ 10000 บาทในทุกๆเดือน แพงมากๆ เสียดายมากๆ แต่ก็ต้องทำให้ถูกต้องค่ะ
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกรณีที่เราอยู่หอนอกเอง คนเดียว
ค่าบ้าน 10000฿ ค่าอพาร์ทเม้นท์ที่ญี่ปุ่นจะเริ่มตั้งแต่ราคาประมาณ 10000฿ ขึ้นไปค่ะ
ค่าน้ำ 500฿ บิลค่าน้ำที่นี่คือ 2 เดือนจ่าย 1 ครั้ง ค่าน้ำจะราคาไม่ค่อยแพงมากค่ะถ้าเทียบกับค่าแก๊ส
ค่าไฟ 1000฿ทำงานที่บริษัท อยู่บ้านเฉพาะตอนวันหยุด ทำให้ค่าไฟไม่ค่อยแพงมากค่ะ
ค่าแก๊ส 1000฿ เนื่องจากญี่ปุ่นหน้าหนาว จะหนาวมาก บางจังหวัดอาจมีหิมะตก จึงมีค่าแก๊สในการทำให้บ้านเราอบอุ่น และใช้ต้มน้ำอุ่นตอนอาบน้ำค่ะ
ค่าไวไฟ 1200฿ ที่ใช้อยู่จะเป็นพ็อคเก็ตไวไฟของ Wi-Max พกพาไปได้ทุกที่ค่ะ
ค่าโทรศัพท์ 600฿ ถ้าทำงานบริษัทจำเป็นต้องมีค่ามือถือ เพื่อให้บริษัทสามารถติดต่อเราได้ค่ะ เราใช้ของ UQ Mobile ราคานี้ถือว่าแพงอยู่ค่ะ ถ้าใช้ของ Rakuten หรือ Line ก็จะถูกกว่านี้ค่ะ
ค่ารถ 0฿ เพราะใช้การปั่นจักรยานไปทำงานที่บริษัทค่ะ การปั่นจักรยานเป็นเรื่องปกติมากๆสำหรับที่นี่
ค่ากิน 3000฿ เนื่องจากเราทำเบ็นโตะ(ข้างกล่อง) ไปทานเองตอนเที่ยง เพราะอยากทานอาหารสุขภาพที่ตัวเองชอบ ราคาก็จะไม่แพง และดีต่อสุขภาพค่ะ ถ้าทานข้าวที่บริษัท อาหารชุด ชุดละประมาณ 150 ฿ค่ะ ส่วนตัวไม่ชอบรสชาติเลยำไปกินเองดีกว่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็พกเบนโตะมาทานเองกันค่ะ
รวม 17,300฿/เดือน ถ้าอยู่หอบริษัทค่าใช้จ่ายก็จะถูกลงกว่านี้นะคะ ที่สรุปมานี้เป็นค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ท่านใดสนใจอยากรู้ค่าใช้จ่ายด้านต่างๆเพิ่ม สอบถามเข้ามาได้เลยค่า จะสืบค้นค่าใช้จ่ายตามจำนวนจริงและมาแจ้งให้ทราบ เพื่อทุกท่านจะได้ตัดสินใจต่างๆได้ง่ายขึ้นค่ะ
การท่องเที่ยว
ก่อนหน้าที่จะมีการแพร่ระบาดของโคโรน่า เราเที่ยวเเทบทุกสัปดาห์เลยค่ะ คิดว่าต้องเที่ยวให้คุ้ม แต่หลังๆมาเลยไม่ได้เที่ยวเลย จึงหันมาทำบล็อคทำเว็บไซต์ให้ความรู้แก่ทุกคนแทน การท่องเที่ยวที่นี่ทำให้ร่างกายรีแล็คจากความเหนื่อยล้าจากงาน และเรื่องราวต่างๆ สถานที่สวยๆมากมาย สถานที่ที่ชอบมากๆเลยก็คือ ภูเขาไฟฟูจิ ไปมาหลายรอบมากเลยค่ะ นั่งจิบกาแฟ ตอนอากาศหนาวเย็น ริมทะเลสาบคาวาคุจิโกะ เป็นอะไรที่ฟินมากๆ
ข้อดี-ข้อเสีย ทำงานวิศวกร วีซ่า5ปี ที่ญี่ปุ่น
ข้อดี
ทำงานวิศวกร วีซ่า5ปี ที่ญี่ปุ่น ทำให้มีประสบการณ์ที่มากขึ้น ระดับภาษาญี่ปุ่นดีขึ้น สื่อสารได้คล่องแคล่วมากขึ้น ประสบการณ์การทำงานในองค์กรญี่ปุ่น ได้เรียนรู้วัฒนธรรม รายได้เยอะกว่าที่ไทย 2-3 เท่า ใครเก็บเงินอยู่มาอยู่นี่ปีสองปีก็มีเงินกลับบ้านเป็นกอบเป็นกำค่ะ
ข้อเสีย
รู้สึกว่าข้อเสียอย่างเดียวของการมาทำงานที่นี่คือ การไกลครอบครัว เพราะเราเป็นคนติดแม่มากๆ ไกลครอบครัวทำให้รู้สึกเหงาในบางที รู้สึกว่าพอแล้ว อยากกลับแล้ว แต่ก็ยังอยากทำให้เป้าหมายที่เพิ่มขึ้นมาของตัวเองสำเร็จก่อน แล้วจึงตัดสินใจอะไรครั้งใหม่ในชีวิตต่อไป
อยากฝากเพื่อนๆทุกคนว่า การให้โอกาสตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ลองทำทุกๆอย่าง คว้าทุกๆโอกาสไว้ และ ประสบการณ์ทำงานวิศวกร วีซ่า5ปี ที่ญี่ปุ่น ที่ได้ก็คุ้มค่ามากๆ ได้ท่องเที่ยวเยอะ โตขึ้นในอีกหนึ่งขั้น เพื่อนๆที่อยากมาทำงานที่นี่ก็สู้ๆนะคะ ทักมาปรึกษาได้เลยนะคะ สู้ๆต่อไปค่ะ