จะไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น เลือกโรงเรียนยังไงดี ต้องดูเรื่องอะไรบ้าง?
สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมเชื่อว่ามีหลายคนมีความฝันที่จะไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ประเทศญี่ปุ่นกันใช่ไหมครับ สำหรับ จะไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น เลือกโรงเรียนยังไงดี บทความนี้ผมเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรจะพิจารณาก่อนที่จะเลือกโรงเรียนครับ ว่ามีเรื่องไหนบ้างนะที่เราควรจะเอามาคิดบ้าง ผมคิดว่าบทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะแพลนไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น หรือคนที่กำลังหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจอยู่นะครับ หรือสำหรับคนที่ยังไม่ได้แพลนไว้ว่าจะไป แต่มีความสนใจลองอ่านเพื่อเก็บข้อมูลเอาไว้ก่อนก็ได้นะครับ
โดยผมอยากให้พิจารณาประเด็นดังต่อไปนี้ เพื่อช่วยในการตัดสินใจครับ
1. หลักสูตร
เรื่องแรกสุดเลยที่ผมอยากให้ทุกคนพิจารณาก็คือเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนครับ (เพราะในเมื่อเราจะไปถึงที่นู่นเพื่อที่จะไปเรียนทั้งที เลยอยากให้คิดเรื่องนี้ให้ดีครับ) โดยผมจะขอแบ่งออกเป็นดังนี้ครับ
1. ระยะเวลาของหลักสูตร
เรื่องนี้โดยทั่วไปโรงเรียนส่วนใหญ่จะคล้ายๆกันครับสำหรับหลักสูตรระยะยาว คือมักจะแบ่งออกเป็นคอร์ส 6 เดือน/1ปี/1 ปี 6 เดือน และ 2 ปี ครับ ซึ่งถ้าถามว่าควรเลือกไปเรียนนานแค่ไหนอันนี้ผมตอบให้ไม่ได้ครับจริงๆครับ คงต้องขึ้นอยู่ความรู้ภาษาญี่ปุ่นที่มีอยู่ในปัจจุบันและเป้าหมายของแต่ละคนว่าอยากจะเรียนไปถึงขนาดไหนครับ (และแน่นอนว่าเรื่องงบประมานของแต่ละคนด้วยครับ) เช่น นาย A ปัจจุบันมี JLPT N3 อยู่แล้ว เป้าหมายของคืออยากได้ JLPT N2 จึงเลือกไปเรียนแค่ 1 ปี นาย B อยากได้ JLPT N2 เหมือนกัน แต่ว่ายังไม่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นเลย ต้องไปเริ่มเรียนตั้งแต่ 0 เลยตัดสินใจเลือกไปเรียน 2 ปีเต็มๆเลย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยครับ เพราะถ้าจะบอกว่าเริ่มต้นจาก 0 ไปเรียนแค่ 1 เป็นไปไม่ได้ที่จะสอบผ่าน N2 ผมก็จะบอกว่าไม่ใช่ครับ เพราะก็มีหลายคนที่ทำได้ครับ เพราะฉะนั้นสำหรับเรื่องนี้ผมอยากให้ลอง ตั้งใจประเมินเป้าหมายและความสามารถของตัวเราเองให้ดีครับ แล้วก็ตัดสินใจเลือกเลยครับ
2. ชั่วโมงเรียน (จำนวนชั่วโมงและช่วงเวลา)
เรื่องชั่วโมงเรียนอันนี้ผมหมายถึง จำนวนชั่วโมงเรียนที่เราต้องเรียนในแต่ละวันครับ เช่น เรียนจันทร์ถึงศุกร์ วันละ 4 ชั่วโมง เป็นต้น ส่วนเรื่องช่วงเวลาก็คือ เรียนช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายนั่นเองครับ โดยทั่วไปโรงเรียนส่วนใหญ่จะเรียนจันทร์-ศุกร์ วันละประมาน 3-4 ชั่วโมงครับ ส่วนเรื่องที่ว่าจะได้เรียนช่วงเช้าหรือบ่าย อันนี้แล้วแต่โรงเรียนครับ โดยหลายโรงเรียนมักจะใช้วิธีแบ่งด้วยระดับของชั้นเรียนที่นักเรียนได้ครับ เช่น นักเรียนที่ได้เรียนในคอร์สระดับกลางถึงสูงเรียนช่วงเช้า และให้นักเรียนระดับพื้นฐานเรียนในช่วงเช้า เป็นต้น (อันนี้แล้วแต่ละโรงเรียนแตกต่างกันนะครับ) แต่ก็จะมีบางโรงเรียนที่มีชั่วโมงเรียนเยอะกว่าปกติครับ บางโรงเรียนมีเรียนทั้งเช้าและบ่าย บางโรงเรียนอาจจะมีเป็นวิชาเลือกให้เลือกเรียนด้วยครับ (ชั่วโมงเรียนเยอะหรือน้อย อันนี้แล้วแต่คนชอบนะครับ สำหรับคนที่ชอบเรียนแบบจัดเต็มก็อาจจะชอบแบบที่เรียนเยอะๆ แต่สำหรับคนที่อยากแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง เช่น ทำงานพิเศษ ก็อาจจะไม่เหมาะครับ) ซึ่งเรื่องนี้แต่ละโรงเรียนจะแตกต่างกันไปนะครับเพราะฉะนั้นอยากให้ศึกษารายละเอียดตรงนี้ดีๆครับ
3. ระดับของคอร์สเรียนที่มี/หลักสูตร
เรื่องนี้กเป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกันครับ ก่อนที่จะเลือกโรงเรียนศึกษาเรื่องนี้ให้ละเอียดนะครับ คุยกับทางโรงเรียนให้เคลียว่าหลักสูตรของโรงเรียนเป็นแบบไหน เริ่มตั้งแต่ระดับไหนแล้วไปสุดที่ระดับไหน ตอบโจทย์เป้าหมายที่เราตั้งไว้หรือป่าว โดยเฉพาะคนที่มีพื้นฐานอยู่แล้วในระดับนึงแล้วต้องการไปเรียนจนถึงระดับสูง (N1 หรือสูงกว่า เช่น ระดับ Business) เนื่องจากบางโรงเรียนอาจจะไม่มีคอร์สในระดับสูงมากขนาดนั้น หรือบางโรงเรียนมีคอร์สก็จริงแต่เนื่องจากเป็นโรงเรียนเล็ก จำนวนนักเรียนที่เรียนไปจนถึงคอร์สระดับสูงอาจจะมีไม่พอ ทำให้ไม่สามารถเปิดคอร์สให้ได้ ระวังเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ
ในส่วนของเรื่องหลักสูตรการสอนของแต่ละโรงเรียน ดูแค่จากเว็บเราอาจจะไม่รู้ก็จริงว่าโรงเรียนนี้สอนดีจริงรึป่าว (จริงๆบางที่มีคนรีวิวอยู่ครับ ลองอ่านรีวิวเพื่อเอามาช่วยในการตัดสินใจก็ได้ครับ) แต่ในเบื้องต้นเราสามารถสอบถามโรงเรียนได้ครับ ว่าโรงเรียนแบ่งคอร์สยังไง มีกี่ระดับ แต่ละระดับใช้หนังสือเล่มไหนสอน เราสามารถเอาข้อมูลตรงนี้มาวิเคราะห์ในเบื้องต้นได้ครับ
2. สถานที่ (ไปเรียนที่ไหนดี/จังหวัดไหนดี/ในเมืองหรือต่างจังหวัดดีกว่ากัน)
สำหรับคำถามนี้คิดว่าน่าจะเป็นคำถามแรกๆสำหรับคนที่แพลนจะไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นเลยใช่ไหมครับ และก็เป็นคำถามที่ยากซะด้วย สำหรับผม ผมมองว่าคำถามนี้ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัวนะครับ การที่จะเลือกไปเรียนที่ไหนนั้นไม่ได้มีผิดหรือถูกครับ หลายคนคงสงสัยว่า อ้าว แล้วจะเลือกยังไงดีล่ะ? สำหรับคนที่ยังลังเลหรือไม่ได้มีจังหวัดที่อยากไปในใจ ผมอยากให้ลองพิจารณาตามนี้ครับ
1. ความสะดวกในการเดินทางไปกลับจากไทย
ปัจจุบัน (2021) จังหวัดที่สามารถบินตรงจากไทยไปได้เลยนั้นมีดังนี้ครับ โตเกียว ชิบะ โอซากะ ไอจิ(จังหวัดที่มีเมืองนาโกย่า) ฟุกุโอกะ ฮิโรชิมะ โอกินาว่า มิยางิ(จังหวัดที่มีเมืองเซ็นได) และ ฮอกไกโด(สนามบินชินชิโตเสะที่ซัปโปโร) ดังนั้นสำหรับคนที่กังวลเรื่องการเดินทาง ผมแนะนำให้เลือกโรงเรียนในจังหวัดที่สามารถบินตรงจากไทยไปได้เลยนะครับ (จริงๆแล้วโรงเรียนภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ต่างๆอยู่แล้วครับ) สำหรับคนที่ไม่ได้กังวลเรื่องการเดินทางแล้วอยากไปจังหวัดอื่นๆที่บินตรงไปจากไทยไม่ได้ อันนี้ก็ได้ครับ แต่ยังไงศึกษาข้อมูลเรื่องการเดินทางให้ดีๆนะครับ
นอกจากเรื่องบินจากไทยไปถึงที่นู่นแล้ว อย่าลืมสำรวจเส้นทางและระยะห่างของโรงเรียนจากสนามบิน ว่าห่างแค่ไหน เดินทางยังไง ยากรึป่าว ก่อนที่จะเลือกกันด้วยนะครับ เพื่อเอามาเป็นข้อมูลในประกอบการตัดสินใจครับ
บางคนอาจจะมีคำถามในใจว่าเรื่องความสะดวกในการเดินทางนี่มันสำคัญยังไง ให้ลองจินตนาการตามนะครับ เวลาที่เราไปเรียนเราไปกันยาวนะครับ ไม่ได้เหมือนตอนไปเที่ยว สมมติว่าไปเรียน 1 ปี สัมภาระที่เราต้องเอาไป ผมบอกได้เลยครับว่าไม่เบาแน่นอน ไหนจะตอนที่จะกลับอีก ของเยอะกว่าขาไปแน่นอนครับ 😅 ดังนั้นถ้าโรงเรียนที่เราจะไปเดินทางไปยากแล้วละก็…เหนื่อยแน่นอนครับ 5555
2. เราเป็นคนแบบไหน
หลายคนอ่านแล้วน่าจะงงว่า เอ๊ะ มันเกี่ยวด้วยหรอว่าเราเป็นคนแบบไหน อย่าพึ่งงงและกดปิดนะครับ 555 ที่ผมเขียนถึงเรื่องนี้ก็เพราะ มันมีผลกับการเลือกสถานที่ที่จะไปเรียนพอสมควรเลยครับ ผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนแน่ๆที่ยังลังเลอยู่ว่าจะเลือกไปเรียนในเมืองใหญ่ๆ ที่คึกคัก หรือว่าจะไปเรียนที่ต่างจังหวัดหรือตามชนบทที่เงียบสงบดี ซึ่งเรื่องนี้ผมมองว่าคนที่จะตอบคำถามได้ที่สุดก็คือตัวคุณเองครับ ผมอยากให้คุณตั้งคำถามกับตัวเองครับ ว่าคุณเป็นคน life style แบบไหน ชอบสังคมแบบไหน เวลาว่างชอบทำอะไร ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบสังคมเมือง ชอบความสนุกสนาน ชอบแสงสี มีเวลาว่างชอบไปเดินช็อปปิ้ง ไปดูหนัง ผมแนะนำให้เลือกเมืองใหญ่ๆครับ แต่ ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความสงบ ไม่ชอบคนพลุกพล่าน พอมีเวลาว่างชอบเดินเล่น ปั่นจักรยานชิวๆ ผมแนะนำให้เลือกต่างจังหวัดหรือเมืองที่คนไม่เยอะมากครับ เรื่องนี้ผมมองว่าสำคัญนะครับ อยากให้เลือกตาม Life style ของแต่ละคนครับ
3. สถานที่ท่องเที่ยว
เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เรื่องนี้อาจจะไม่ได้สำคัญมากเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับ สำหรับคนที่ไม่ได้อยากจะไปเที่ยวที่ไหนเยอะ อาจจะข้ามข้อนี้ไปก็ได้ครับ สำหรับคนที่ชอบเที่ยว ผมแนะนำให้ลองหาข้อมูลไว้เลยนะครับว่าเราอยากจะไปที่ไหนบ้าง แล้วสถานที่ที่เราอยากไปนั้นมันอยู่ตรงไหนบ้าง ที่ที่เราจะเลือกไปเรียนมันใกล้สถานที่พวกนั้นรึป่าว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นยังไงบ้างพอจะเดินทางไปได้รึป่าว ลองหาข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินนะครับ แต่ยังไงก็ตามผมไม่อยากให้เอาข้อนี้มาเป็นประเด็นหลักในการตัดสินใจเท่าไหร่นะครับ จะไปเรียนทั้งทีโฟกัสเรื่องการเรียนดีกว่าครับ 555 (แต่ไปถึงนู่นทั้งทียังไงถ้ามีเวลาก็แนะนำให้ลองเที่ยวดูบ้างนะครับ บางครั้งเวลาเราไปเที่ยวเราก็ได้ประสบการณ์หรือความรู้ใหม่ๆที่หาไม่ได้จากในห้องเรียนครับ ^^)
4. ที่พัก
เนื่องจากเราต้องไปเรียนกันยาว ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นนานพอสมควร เลยอยากให้เอาเรื่องที่พักมาพิจารณาด้วยครับ สำหรับเรื่องที่พักต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกโรงเรียนเลยครับ ผมจะแบ่งเป็นหัวข้อที่อยากให้ลองเอามาพิจารณาดังนี้ครับ
- ค่าใช้จ่าย
เรื่องนี้อยากให้ลองคำนวณดูให้ละเอียดนะครับ ว่าจากงบประมานที่เรามีเราควรเลือกที่พักราคาเท่าไหร่ เวลาคุยเรื่องที่พัก ถามให้ละเอียดว่าราคานี้รวมค่าน้ำ ค่า ฟ ค่าแกส แล้วหรือยัง ถ้ายังไม่รวมต้องเผื่อเงินเอาไว้จ่ายค่าใช่จ่ายพวกนี้ด้วยนะครับ แล้วมีอินเตอร์เน็ตให้รึป่าว (ถ้าไม่มีเราต้องเผื่อค่าใช้จ่ายเรื่องนี้ด้วยครับ)
- สถานที่
แนะนำให้เลือกที่พักที่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากครับ จะได้ไม่เหนื่อยเรื่องการเดินทางและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ด้วยครับ ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้เลือกที่พักที่สามารถเดินไปโรงเรียนได้นะครับ ถ้าเดินแล้วใช้เวลานานและเหนื่อยเกิน ลองดูเรื่องการขี่จักรยานไปกลับด้วยก็ได้ครับ (ถ้าจะใช้จักรยาน อย่าลืมเผื่อค่าใช้จ่ายเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะครับ)
- อยู่คนเดียวหรือว่ามีรูมเมท
เรื่องนี้สำคัญมากๆๆๆๆครับ ควรถามตัวเองไว้ก่อนเลยนะครับว่ายังไงดี เราสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ไหม ถ้าใครที่รู้ตัวว่าชอบอยู่คนเดียว ชอบความเป็นส่วนตัว แนะนำให้เลือกอยู่ห้องพักแบบเดี่ยวเลยนะครับ อย่าคิดแค่ว่า เอาน่า ไปอยู่ไม่นานมาก อยู่แบบมีรูมเมทก็ได้ ค่าใช้จ่ายจะได้ถูกลง ผมบอกเลยว่าคุณจะไม่มีความสุขแน่นอนครับ ยอมเพิ่มเงินอีกหน่อยแล้วอยู่คนเดียวดีกว่าครับ (อาจจะหาห้องที่เล็กลงมาหน่อย เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ครับ) ส่วนคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ สามารถอยู่แบบมีรูมเมทได้ ในกรณีที่รูมเมทไม่ใช่เพื่อนที่ไปด้วยกัน และมีชาติที่ไม่อยากอยู่ด้วย แนะนำให้คุยกับโรงเรียนไว้ด้วยนะครับ (โดยปกติโรงเรียนส่วนใหญ่จะถามอยู่แล้วครับ กรณีที่เลือกอยู่หอโรงเรียนแล้วต้องมีรูมเมท)
เป็นยังไงบ้างครับ อ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วตัดสินใจเรื่องการเลือกโรงเรียนกันได้รึยังครับ สำหรับคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ก็ไม่ต้องเครียดนะครับ เพราะผมเข้าใจดีว่าการเลือกโรงเรียนที่เราจะต้องเสียเงินก้อนใหญ่ไปเรียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ค่อยๆคิดนะครับ ไม่ต้องรีบ ลองเริ่มจากเลือกโรงเรียนที่เราอยากไปแล้วกำลังลังเลอยู่ออกมาซัก 3-5 ที่ก่อนก็ได้ครับ แล้วค่อยๆตัดออกไปทีละที่โดยพิจารณาจากข้อมูลที่ผมเขียนไว้ข้างบน แต่ถ้าสุดท้ายแล้วก็ยังเลือกไม่ได้ซักที พิจารณาข้อมูลทุกอย่างแล้วมันไม่ต่างกันมาก มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
ผมแนะนำให้มั่นใจในตัวเองแล้วเลือกตามที่ Sense มันบอกมาเลยครับคิดซะว่า Sense แรกถูกเสมอครับ 5555
ใครที่ไม่รู้จะเริ่มยังไงลองไปปรึกษากับทางเอเจนซี่ก็ได้ครับ เอเจนซี่ส่วนใหญ่มีประสบการณ์ช่วยนักเรียนที่จะไปเรียนที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ลองคุยดูก่อนได้ครับ อย่างเจ้าที่ดังๆก็เช่น JEDUCATION ลองไปปรึกษาเพื่อเป็นแนวทางดูได้ครับ
อ่านบทความเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่ https://japantoprank.com/